นำหลักธรรมสร้างวิถีการเรียนรู้
การจัดแบ่งช่วงเวลาในแต่ละปีการศึกษา
โรงเรียนเพลินพัฒนาจัดเวลาให้นักเรียนได้มีการเรียนรู้ 40 สัปดาห์ใน 1 ปีการศึกษา
หลักคิดในการจัดภาคการศึกษา 4 ภาค
รอบการเรียน 10 สัปดาห์ เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการสร้างกระบวนการเรียนรู้หรือโครงงานที่มีความกระชับ รัดกุม และยังสามารถขยายผลเป็นกระบวนการหรือโครงงานใหญ่ โดยการผนวกกระบวนการเรียนรู้หรือโครงงาน เป็น 2 ภาค 3 ภาค หรือ 4 ภาค ได้ตามความเหมาะสม
รอบการเรียน 10 สัปดาห์ทำให้นักเรียนได้มีการประมวล สรุป สังเคราะห์ การเรียนรู้ได้เร็วขึ้น สามารถประสบ ความสำเร็จในการเรียนรู้และพัฒนาตัวเองได้เร็วขึ้น เกิดกำลังใจและได้ชื่นชมในความก้าวหน้าที่เกิดขึ้น การประเมินผลพัฒนาการนักเรียนก็มีความถี่มากขึ้น
การพัฒนานักเรียนจาก 3 ฝ่าย คือ โรงเรียน นักเรียน และบ้าน ก็จะมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
รอบการทำงานของครูและบุคลากรที่สั้นลงจะทำให้ระบบการวิจัยและพัฒนาในการทำงานมีความกระชับ รัดกุม และมีประสิทธิภาพสูงในการปรับปรุงและพัฒนาตนเอง องค์กร และแผนการทำงานอยู่ตลอดเวลา ซึ่งมีผลโดย ตรงต่อพัฒนาการของนักเรียน
นอกจากนี้ชื่อภาคทั้ง 4 ยังได้นำแนวคิดมาจากหลักธรรมคำสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เรียกว่า “อิทธิบาท ๔ “ หลักธรรมอันเป็นรากฐานแห่งความสำเร็จ ที่โรงเรียนได้นำมากำหนดไว้เป็นหลักการและเป้าหมายการเรียนการสอนในแต่ละภาคเรียน เพื่อการจัดบรรยากาศ การจัดตารางการเรียนรู้ รูปแบบการเรียนรู้ และการวางเป้าหมายกว้างๆ ของการพัฒนานักเรียนในแต่ละภาค ให้ร้อยเรียง สอดประสานกันอย่างมีเอกภาพตลอดปีการศึกษา
ช่วงชั้นอนุบาล – ช่วงชั้นที่ 2
โดยได้แบ่งปีการศึกษาออกเป็น 4 ภาค ภาคละ 10 สัปดาห์ ซึ่งมีชื่อภาคและช่วงเวลาเปิด-ปิดภาคดังนี้
ภาคที่ 1 : ภาคฉันทะ
จะเปิดราวต้นสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนพฤษภาคม และปิดราวสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนกรกฎาคม
(ประมาณ 12 พฤษภาคม – 18 กรกฎาคม)
ภาคที่ 2 : ภาควิริยะ
จะเปิดราวสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกรกฎาคม และปิดราวต้นเดือนตุลาคม
(ประมาณ 24 กรกฎาคม – 3 ตุลาคม)
ภาคที่ 3 : ภาคจิตตะ
จะเปิดราวสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนตุลาคม และปิดราวสัปดาห์สุดท้ายของเดือนธันวาคม
(ประมาณ 20 ตุลาคม – 26 ธันวาคม)
ภาคที่ 4 : ภาควิมังสา
จะเปิดราวสัปดาห์ที่ 1 หรือ 2 ของเดือนมกราคม และปิดราวกลางเดือนมีนาคม
(ประมาณ 5 มกราคม – 15 มีนาคม)
ช่วงชั้นมัธยม
ภาคเรียนที่ 1 : ภาคฉันทะ – ภาควิริยะ (ประมาณเดือนพฤษภาคม – ต้นเดือนตุลาคม)
ภาคเรียนที่ 2 จิตตะ-วิมังสา (ประมาณเดือนตุลาคม – มีนาคม)
โรงเรียนเพลินพัฒนาตั้งใจออกแบบทุกหน่วยวิชา เพื่อสร้างหนทางให้ผู้เรียนได้เข้าสู่กระบวนการเรียนรู้และมีพัฒนาการชีวิตที่งอกงาม สมวัย
เติบโตเต็มศักยภาพ มีความสุข รักการเรียนรู้ เกิดความเข้าใจในเนื้อหา และทักษะอย่างยั่งยืน ลึกซึ้งถึงชีวิตจิตใจ สามารถเชื่อมโยงสู่การประยุกต์ใช้ในวิถีชีวิตได้ด้วยตนเองจากประสบการณ์ตรง
ทุกๆ หน่วยวิชาจึงต้องสร้างทั้งความรู้ ความคิด ทักษะ และสมรรถภาพต่างๆ ให้เกิดขึ้นกับผู้เรียนอย่างเพียงพอ ต่อการศึกษาในระดับที่สูงขึ้นไป สามารถจัดการกับปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงวัยได้อย่างถูกต้องดีงาม ตลอดจนคำนึงถึงความเชื่อมโยงระหว่างวิชาต่างๆ อย่างเป็นเอกภาพ
เพื่อก่อเกิดการพัฒนาแบบพหุปัญญาในมิติที่กว้างขวางขึ้นกับผู้เรียน โดยการเชื่อมโยงการเรียนรู้สู่การประยุกต์ใช้ในการงาน และในชีวิตประจำวันอยู่เสมอ ซึ้งประกอบด้วยรายวิชาดังต่อไปนี้
โรงเรียนเพลินพัฒนาตั้งใจออกแบบทุกหน่วยวิชา เพื่อสร้างหนทางให้ผู้เรียนได้เข้าสู่กระบวนการเรียนรู้และมีพัฒนาการชีวิตที่งอกงาม สมวัย
เติบโตเต็มศักยภาพ มีความสุข รักการเรียนรู้ เกิดความเข้าใจในเนื้อหา และทักษะอย่างยั่งยืน ลึกซึ้งถึงชีวิตจิตใจ สามารถเชื่อมโยงสู่การประยุกต์ใช้ในวิถีชีวิตได้ด้วยตนเองจากประสบการณ์ตรง
ทุกๆ หน่วยวิชาจึงต้องสร้างทั้งความรู้ ความคิด ทักษะ และสมรรถภาพต่างๆ ให้เกิดขึ้นกับผู้เรียนอย่างเพียงพอ ต่อการศึกษาในระดับที่สูงขึ้นไป สามารถจัดการกับปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงวัยได้อย่างถูกต้องดีงาม ตลอดจนคำนึงถึงความเชื่อมโยงระหว่างวิชาต่างๆ อย่างเป็นเอกภาพ
เพื่อก่อเกิดการพัฒนาแบบพหุปัญญาในมิติที่กว้างขวางขึ้นกับผู้เรียน โดยการเชื่อมโยงการเรียนรู้สู่การประยุกต์ใช้ในการงาน และในชีวิตประจำวันอยู่เสมอ ซึ้งประกอบด้วยรายวิชาดังต่อไปนี้
การวัดและการประเมินผลการเรียนรู้ เป็นกระบวนการที่ให้ผู้สอนใช้พัฒนาคุณภาพผู้เรียน เพื่อแสดงพัฒนาการ ความก้าวหน้าและความสำเร็จของผู้เรียน โรงเรียนจัดทำเกณฑ์และแนวปฏิบัติในการวัดและประเมินผลการเรียน เพื่อให้การประเมินผลการเรียนเป็นไปอย่างถูกต้อง ยุติธรรม เป็นที่ยอมรับของสังคม หลักการของการวัดและประเมินผลการเรียนรู้
การวัดและประเมินผลการเรียนรู้เป็นไปตามหลักการ ดังนี้
- เพื่อปรับปรุงพัฒนานักเรียนและตัดสินผลการเรียน
- ประเมินผลด้วยวิธีการและเครื่องมือหลากหลายเหมาะสมกับผลการเรียนรู้ที่คาดหวังรายปีให้สอดคล้องและครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรู้ที่กำหนดไว้ในหลักสูตร
- การวัดและประเมินผลให้ครู นักเรียน ผู้ปกครองมีส่วนร่วมและรับทราบวิธีการ เกณฑ์ต่างๆ ก่อนทำกิจกรรมหรือเรียนรู้
โรงเรียนจัดให้มีการวัดและประเมินผลระดับชั้นเรียนและการประเมินผลระดับโรงเรียน เพื่อตรวจสอบผลการพัฒนาของผู้เรียน ดังนี้
1. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ตามผลการเรียนรู้ที่คาดหวังรายปีทั้ง๘กลุ่มสาระการเรียนรู้โดยกำหนดเกณฑ์การเก็บคะแนนการวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ดังนี้
- การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ตามผลการเรียนรู้ที่คาดหวังรายปีทั้ง๘กลุ่มสาระการเรียนรู้โดยกำหนดเกณฑ์การเก็บคะแนนการวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ดังนี้
- กำหนดคะแนนเต็ม 100 คะแนน ในการวัดผลปลายปีทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้
- กำหนดให้มีการวัดและประเมินผล เพื่อเก็บคะแนนระหว่างเรียน 80 คะแนน ปลายปี 20 คะแนน ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้
- นำผลการวัดและประเมินระหว่างเรียน และปลายปีมารวมกันเป็นผลการประเมินปลายปี
- การตัดสินผลการเรียนรู้สาระการเรียนรู้ช่วงชั้น นักเรียนต้องได้ผลการเรียนรู้ระดับ “2.00” ขึ้นไป ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ จึงจะถือว่าผ่านเกณฑ์การประเมินกลุ่มสาระการเรียนรู้ช่วงชั้น
คะแนนจากการวัดผล | ระดับผลการเรียน | ความหมายผลการเรียน |
---|---|---|
80 – 100 | 4.00 | ดีเยี่ยม |
75 – 79 | 3.50 | ดีมาก |
70 – 74 | 3.00 | ดี |
65 – 69 | 2.50 | ค่อนข้างดี |
60 – 64 | 2.00 | น่าพอใจ |
55 – 59 | 1.50 | พอใช้ |
0 – 49 | 1.00 | ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำ |
- การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ตามผลการเรียนรู้ที่คาดหวังรายปีทั้ง 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้โดยกำหนดเกณฑ์การเก็บคะแนนการวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ดังนี้
- เป็นการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน มี 2 ลักษณะ คือ กิจกรรมแนะแนวและกิจกรรมนักเรียน ด้วยวิธีการหลากหลายตามสภาพจริง ตรวจสอบเวลาร่วมกิจกรรม ไม่ต่ำกว่า 80% และผ่านจุดประสงค์หลักของกิจกรรม
- การตัดสินผลการประเมินกิจกรรม พัฒนาผู้เรียน รายงานผลให้ผู้ปกครองทราบ เมื่อสิ้นสุดภาคเรียนที่ 2 และภาคเรียนที่ 4
- การตัดสินการประเมินกิจกรรมพัฒนา ผู้เรียน จะได้ผลการประเมิน “ผ่าน” และ “ไม่ผ่าน” กรณีไม่ผ่านต้องซ่อมเสริม
- การประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์ เขียน
- เป็นการประเมินศักยภาพของนักเรียน ในการอ่านหนังสือ เอกสารและสื่อต่างๆ อย่างถูกต้อง คล่องแคล่ว คิดวิเคราะห์และสามารถเขียนแสดงความคิดเห็นได้ โดยประเมินจากวิชาภูมิปัญญาภาษาไทย มานุษกับโลก ธรรมชาติศึกษาและประยุกต์วิทยา มานุษและสังคมศึกษาและ ESL
- โรงเรียนตั้งคณะกรรมการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์เขียน โดยกำหนดมาตรฐานการอ่าน คิด วิเคราะห์เขียน พร้อมตัวชี้วัดเป็นมาตรฐานคุณภาพของโรงเรียน
- การตัดสินผลการประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์เขียน รายงานผลให้ผู้ปกครองทราบ เมื่อสิ้นภาคเรียนที่ 2 และภาคเรียนที่ 4 ทุกปี เพื่อผ่านช่วงชั้นและการประเมินเป็น “ดีเยี่ยม” “ดี” และ “ผ่านเกณฑ์การประเมิน”
- การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์
- เป็นการประเมินด้านคุณธรรม จริยธรรมค่านิยมและคุณลักษณะที่โรงเรียนกำหนด
- โรงเรียนตั้งคณะกรรมการ เพื่อประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อกำหนดตัวชี้วัด กิจกรรมพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ทั้งในและนอกห้องเรียน
- การตัดสินการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์รายงานผลให้ผู้ปกครองทราบ เมื่อสิ้นสุดภาคเรียนที่ 2 และภาคเรียนที่ 4 ทุกปี เพื่อผ่านช่วงชั้น ผลการประเมินเป็น “ดีเยี่ยม” “ดี” และ “ผ่านเกณฑ์การประเมิน”
- การประเมินและตัดสินการผ่านช่วงชั้น
- ผู้อำนวยการโรงเรียนจะพิจารณาตัดสินการผ่านช่วงชั้นเฉพาะผู้เรียนที่ได้รับการวัดและประเมินผลปลายปีของชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และมัธยมศึกษาปีที่ 6
- ผู้เรียนที่จะได้รับการตัดสินผ่านช่วงชั้นต้องได้รับการตัดสินผลการเรียนตั้งแต่ระดับ 2 ขึ้นไปและผ่านมาตรฐาน การเรียนรู้ช่วงชั้นทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้
- ผู้เรียนต้องได้รับการตัดสินผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ระดับ “ผ่าน” การอ่าน คิด วิเคราะห์เขียน ระดับ “ดีเยี่ยม” หรือ “ดี” และการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ระดับ “ดีเยี่ยม” หรือ “ดี”
การออกภาคสนามเป็นการสร้างแรงบันดาลใจ สร้างประสบการณ์ ที่ทำให้เกิดการเชื่อมโยงสิ่งที่ได้เห็นและได้สัมผัส เข้ากับสิ่งที่ได้เรียนรู้จากห้องเรียน คือการผจญภัยที่สร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของผู้เรียน ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ใช้ความสามารถที่สั่งสมมา เรียนรู้ที่จะเข้าใจตนเอง และพัฒนาสู่การสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตน
กระบวนการทางปัญญา ที่งอกงามจากการออกศึกษาภาคสนาม
- ฝึกสังเกต
- ฝึกบันทึก
- ฝึกการนำเสนอต่อที่ประชุมกลุ่ม
- ฝึกการฟัง
- ฝึกปุจฉา-วิสัชนา
- ฝึกตั้งสมมติฐานและตั้งคำถาม
- ฝึกการค้นหาคำตอบ
- เชื่อมโยงบูรณาการ
- การวิจัย
- ฝึกการเขียนเรียบเรียงทางวิชาการ
เร็ว ๆ นี้
เร็ว ๆ นี้
เร็ว ๆ นี้
เร็ว ๆ นี้